Mousai Wellness Center

Benefits of Durian

ทุเรียน ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ที่สามารถรับประทานได้ทั้งสุกและห่ามแล้วแต่คนชอบ นอกจากนี้ยังนำไปใช้ทำอาหารได้อย่างหลากหลาย แม้แต่เมล็ดก็รับประทานได้แต่ต้องทำให้สุกก่อน จึงมีหลายท่านโปรดปรานที่ผลไม้ชนิดี้ แต่มักจะถูกทัดทานจากระดับน้ำตาล และ ไขมันเพิ่มสูงเกินระดับควบคุม จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทุเรียนทำให้เบาหวานสูงขึ้น ไขมันสูงขึ้นจริงหรือ? กินทุเรียนมีประโยชน์มั้ย? เช่นนั้นเรามาดูข้อเท็จจริงของทุเรียนไปพร้อมกัน

ทุเรียนมีมากกว่า 30 ชนิด แต่มีเพียง 9 ชนิดเท่านั้นที่สามารถรับประทานได้ และมีเพียงสายพันธุ์ Durio zibethinus ชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก

ในสายพันธุ์นี้ก็แบ่งแยกย่อยไปอีกมากกว่า 200 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและปลูกกันมากก็คือ พันธุ์หมอนทอง ชะนี กระดุมทอง และพันธุ์ก้านยาว เป็นต้น

คุณค่าทางสารอาหารของทุเรียนแต่ละพันธุ์

คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อทุเรียนต่อ 100 กรัม

ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

ประโยชน์ของทุเรียน

ข้อควรระวัง

  • ทุเรียนมีน้ำตาลและไขมันสูง และเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน หากทานเยอะเกินไปอาจทำอ้วนได้
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง, โรคความดันโลหิตสูง และ โรคหัวใจ ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ
  • ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ เช่น คัน ลมพิษ หายใจลำบาก แนะนำให้ทานในปริมาณเหมาะสม และปรึกษาแพทย์ก่อนทาน

สรรพคุณทางยาของทุเรียน

สรรพคุณตามตำรายาไทย ระบุไว้ว่า

การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า

ทุเรียน กินตามนี้มีประโยชน์

จากข้อมูลของกรมอนามัยแนะนำว่า

👉 เลือกกินแบบที่ไม่สุกจัด เพราะปริมาณน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นตามระดับความสุกของทุเรียน

👉 ไม่กินถี่ทุกวัน

👉 ไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ดกลาง เนื่องจากการกินทุเรียน 4-6 เม็ด เทียบเท่ากับการดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง (พลังงานประมาณ 400 กิโลแคลอรี่)

จึงเป็นเหตุให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินควร ดังนั้นไม่ควรรับประทานทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ด

👉 ไม่ควรกินทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 🍺พบว่าการกินของทั้งสองอย่างนี้พร้อมกัน อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มีอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียน ในบางกรณีที่รุนแรงหัวใจอาจเต้นผิดจังหวะ

👉 ไม่ควรกินเครื่องดื่มน้ำอัดลม 🥤 หรืออาหารที่มีรสหวานจัด คู่กับ ทุเรียน จะเป็นการเพิ่มน้ำตาลและให้พลังงานสูงให้แก่ร่างกาย หากรับประทานมากก็จะเป็นร้อนใน ยังสะสมเป็นไขมันที่ทำให้อ้วนด้วย

นอกจากเนื้อทุเรียนแล้ว ยังหมายรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากทุเรียน เช่น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ไอศกรีมรสทุเรียน🍨

หากรับประทานมากติดต่อกันหลายๆ วัน ก็จะทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งเราควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย จึงจะได้ทั้งความอิ่มอร่อยและสุขภาพดีอย่างไม่ต้องกังวลกับปัญหาสุขภาพที่จะตามมา

👉 คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันสูง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

👉 หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

👉 ลดอาหารกลุ่ม ข้าว-แป้ง 1 ทัพพี ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด หรือมันจัดในมื้อที่กินทุเรียน เพื่อที่จะได้รับพลังงานในปริมาณที่ไม่เกินกว่าร่างกายต้องการ

ทุเรียนกับโรคประจำตัวยอดฮิต

1. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุเรียนจัดเป็นผลไม้ที่ให้น้ำตาล ไขมัน และมีพลังงานสูง ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานกินทุเรียนเข้าไป อาจทำให้มีอาการน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ส่งผลให้เจ็บป่วยไม่สบายตัวหรือร้อนใน และอาจเป็นอันตรายถึงภาวะช็อกได้

2. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

ทุเรียนจัดว่าเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ความดันสูงขึ้นจนอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้

3. ผู้ป่วยโรคไตและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตร่างกายจะขับโพแทสเซียมออกได้ไม่ดี ซึ่งถ้ามีการสะสมของโพแทสเซียมปริมาณมาก จะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

4. ผู้ที่ต้องการคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือด

ทุเรียนจัดเป็นผลไม้ที่ให้น้ำตาล ไขมัน และมีพลังงานสูง ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการกินทุเรียน ทั้งทุเรียนสดและทุเรียนแปรรูป และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์