PEPTIDE THERAPY
"สเต็มเซลจากกระแสเลือด ( Peripheral Blood Stem cell : PBSC ) คือ เซลต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด"
โดยปกติแล้ว เซลต้นกำเนิดเม็ดเลือด ที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดจะมีจำนวนน้อยมาก แต่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้อย่างมหาศาล หากได้รับการกระตุ้นจากไซโตไคน์ (Cytokines) หรือตัวกระตุ้นการทำงานของไขกระดูกที่เหมาะสม เช่น G-CSF (สารกระตุ้นไขกระดูกซึ่งร่างกายมนุษย์สามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ) หรือเกิดภายหลังการฟื้นตัวของไขกระดูกของผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด การปลูกถ่ายสเต็มเซลที่ได้จากกระแสเลือด มีแนวโน้มที่จะปลูกติดเร็วกว่าสเต็มเซลจากไขกระดูก ทั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากการที่สเต็มเซลจากกระแสเลือดได้มีการพัฒนาจำนวนมากกว่าสเต็มเซลที่ได้จากไขกระดูก เมื่อพูดถึงการปลูกถ่าย


Peptide therapy เป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในวงการความงามและการชะลอวัย (anti-aging) ซึ่งเป็นเปปไทด์ (peptides) สายสั้นๆ ของกรดอะมิโน เพื่อกระตุ้นกระบวนการทางชีวภาพต่างๆ ในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ

เปปไทด์คืออะไร?
เปปไทด์ (Peptide) เป็นโมเลกุลที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนตั้งแต่ 2 ถึง 50 ตัวเชื่อมต่อกัน โดยทั่วไปมีขนาดเล็กกว่าโปรตีน แต่มีหน้าที่สำคัญในร่างกายมากมาย เช่น
1. ทำหน้าที่เป็นฮอร์โมน
2. เป็นสารสื่อประสาท
3. ควบคุมการแสดงออกของยีน
4. กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์
5. ส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
การประยุกต์ใช้เปปไทด์ในเวชศาสตร์ชะลอวัย
(PEPTIDES IN ANTI-AGING MEDICINE)
เปปไทด์ คือ สายสั้นของกรดอะมิโนที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งถูกนำมาใช้ในร่างกายเพื่อส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลง เช่น การผลิตฮอร์โมน และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือเซลล์ที่เสียหาย เปปไทด์ยังช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับไวรัส แบคทีเรีย และโรคบางชนิด การบำบัดด้วยเปปไทด์ ช่วยกระตุ้นต่อมใต้สมองให้ผลิตและปล่อยฮอร์โมนการเจริญเติบโตของมนุษย์ (Human Growth Hormone – HGH) และยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนการเจริญเติบโตในร่างกาย
เปปไทด์เพื่อการบำบัด
(Therapeutic Peptide In Anti-Aging Medicine)
เปปไทด์เพื่อการบำบัดเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพหลายด้าน ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นกระบวนการทำงานของเซลล์ในร่างกายอย่างเฉพาะเจาะจง ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการทำงานของร่างกายในด้านต่าง ๆ
การใช้งานและประโยชน์ของ
Therapeutic Peptide
ภูมิคุ้มกัน (Immunity) : ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
การลดน้ำหนัก (Weight Loss) : ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันและควบคุมน้ำหนัก โดยไม่ส่งผลเสียต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกาย
ปัญหาการนอนหลับ (Sleep Disorder) : เปปไทด์ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและการทำงานของสมอง เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะพักผ่อนอย่างเต็มที่ ลดปัญหาการนอนไม่หลับและคุณภาพการนอน
อารมณ์ / สมาธิ และการจดจ่อ (Mood / Focus & Concentration) :
ช่วยปรับปรุงอารมณ์ ลดความเครียด และเสริมสร้างสมาธิ รวมถึงความสามารถในการจดจ่อในงานต่าง ๆ
ชะลอวัย (Anti-Aging) : ช่วยลดริ้วรอย ฟื้นฟูเซลล์ผิว และเพิ่มคอลลาเจน ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ รวมถึงช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ (Sexual Dysfunction) : ฟื้นฟูระบบฮอร์โมนเพศ ช่วยเพิ่มพลังงานและปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศในทั้งชายและหญิง
การรักษาบาดแผล / สุขภาพลำไส้ และฟื้นฟูผิว (Wound Healing / Gut Health & Skin Repair) : ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบ และฟื้นฟูสุขภาพของลำไส้และผิวหนัง
ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormones) : กระตุ้นการผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และระบบต่าง ๆ ให้ทำงานได้ดีขึ้น
Therapeutic Peptide เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอวัย และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายให้ยาวนานขึ้น
เปปไทด์สำหรับการลดน้ำหนัก / เพิ่มประสิทธิภาพทางกีฬา และสุขภาพของผู้ชาย
MOTS-c (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงานในระดับเซลล์ ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น เสริมพลังงาน และลดความอ่อนล้าจากการออกกำลังกาย
Melanotan II (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเมลานินในผิวหนัง มีผลช่วยลดความอยากอาหารและเสริมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
5-Amino-1MQ (แบบแคปซูล) : ช่วยลดการสะสมไขมันและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานระดับเซลล์ โดยทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการกักเก็บไขมันในร่างกาย
Tesofensine (แบบแคปซูล) : ยาช่วยลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมความอยากอาหารและเพิ่มการเผาผลาญไขมันอย่างรวดเร็ว
LGD-4033 (แบบแคปซูล) : เปปไทด์ในกลุ่ม SARMs ที่ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง โดยไม่กระทบต่อฮอร์โมนอื่น ๆ ช่วยเสริมการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย
เปปไทด์สำหรับปัญหาการนอนหลับ (Peptides for Sleep Disorder)
DSIP (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยปรับวงจรการหลับและตื่นตามธรรมชาติ (Circadian Rhythm) ลดความเครียดและความวิตกกังวลที่อาจรบกวนการนอนหลับ ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะพักผ่อนได้ดีขึ้น
Epithalon (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่มีบทบาทในการกระตุ้นการผลิตเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยควบคุมการนอนหลับและเพิ่มคุณภาพของการนอน นอกจากนี้ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
DHH-B (แบบแคปซูล) : สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเครียดออกซิเดชันในสมอง ช่วยให้สมองผ่อนคลายและลดความกังวล ส่งผลให้การนอนหลับลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Selank (แบบสเปรย์พ่นจมูก) : เปปไทด์ที่ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลในระยะยาว กระตุ้นการผ่อนคลายของสมอง ส่งผลให้สามารถหลับได้ง่ายและนอนหลับได้ต่อเนื่อง
เปปไทด์สำหรับการปรับอารมณ์ / เสริมสมาธิ และความจดจ่อ
Dihexa (แบบแคปซูล) : เปปไทด์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์และการเรียนรู้ อีกทั้งยังช่วยเสริมความจำและลดอาการสมองล้า
Noopept (แบบแคปซูล) : สารเสริมสมองที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และจดจำ รวมถึงช่วยปรับปรุงสมาธิ ลดความเครียด และเพิ่มประสิทธิภาพของสมองในระยะยาว
Semax (แบบสเปรย์พ่นจมูก) : เปปไทด์ที่ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดในสมอง เพิ่มพลังงานให้สมองทำงานได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับการเสริมสมาธิและความจดจ่อ อีกทั้งยังช่วยลดความวิตกกังวล
เปปไทด์เพื่อการชะลอวัย (Peptides for Anti-Aging)
SS-31 (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยปกป้องไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ในเซลล์ ช่วยลดการอักเสบและชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
MOTS-c (แบบฉีด) : ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงานในระดับเซลล์ ลดความเสื่อมของเซลล์ และช่วยรักษาสมดุลพลังงานในร่างกาย
Epithalon (แบบฉีด) : กระตุ้นการผลิตเทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นและช่วยเพิ่มอายุขัยของเซลล์
FOX-04 DRI (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่มีบทบาทสำคัญในการกำจัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
NMN (แบบแคปซูล) : สารที่ช่วยเพิ่มการผลิต NAD+ ซึ่งสำคัญต่อกระบวนการซ่อมแซมเซลล์และชะลอความชรา
เปปไทด์สำหรับการฟื้นฟู (แผล, ระบบลำไส้ และการซ่อมแซมผิวหนัง)
GHK-CU (แบบฉีดและทาภายนอก) :
เปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเสริมกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยลดรอยแผลเป็นและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
Thymosin Beta-4 (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของเซลล์และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยลดการอักเสบและเร่งการฟื้นฟูแผล
BPC-157 (แบบฉีดและแคปซูล) : เปปไทด์ที่ช่วยฟื้นฟูระบบลำไส้ เสริมสร้างผนังลำไส้ ลดการอักเสบ และช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย
เปปไทด์สำหรับปัญหาสมรรถภาพทางเพศ (Peptides for Sexual Dysfunction)
PT-141 (แบบฉีดและแบบสเปรย์พ่นจมูก) : เปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศทั้งในชายและหญิง และสามารถใช้ในกรณีที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
Oxytocin (แบบสเปรย์พ่นจมูก) : ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในความผูกพันและความสัมพันธ์ ช่วยเพิ่มความไว้วางใจ ความใกล้ชิด และกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
เปปไทด์สำหรับการกระตุ้นฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone)
CJC-1295 (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth Hormone) ในระยะยาว เสริมการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ รวมถึงชะลอความชรา
Ipamorelin (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตในร่างกาย โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อฮอร์โมนอื่น ๆ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
Tesamorelin (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่ช่วยลดไขมันในช่องท้องและเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปร่างและเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย
AOD 9604 (แบบฉีด) : เปปไทด์ที่เน้นช่วยลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและสะโพก โดยไม่กระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด
MK-677 (แบบแคปซูล) : ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตและเพิ่มความอยากอาหาร เสริมสร้างการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกาย
เปปไทด์เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน (Peptides for Immunity)
Thymosin alpha 1 : เปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว (T-cells) เพื่อช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ
Thymosin beta 4 : เปปไทด์ที่ช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเพิ่มความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ
ชนิดของ Peptide Therapy ที่ใช้บ่อย
Growth Hormone Releasing Peptides (GHRPs) : GHRP-2, GHRP-6, Ipamorelin กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดไขมัน และปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ
Growth Hormone Releasing Hormones (GHRHs) : CJC-1295, Sermorelin เพิ่มการผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโตตามธรรมชาติ ส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการฟื้นฟูร่างกาย
Collagen Peptides : Palmitoyl Tripeptide-1, Palmitoyl Tetrapeptide-7 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว
Copper Peptides : GHK-Cu ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและการอักเสบ
Thymosin Peptides : Thymosin Beta-4, Thymosin Alpha-1 กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการหายของแผล
Melanotan Peptides : Melanotan II กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยในการป้องกันผิวจากรังสี UV และเพิ่มสีผิว
BPC-157 (Body Protection Compound 157) : ส่งเสริมการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการหายของแผล ลดการอักเสบและปวด
ประโยชน์ของ Peptide Therapy
1. ฟื้นฟูสภาพผิว
ลดเลือนริ้วรอย : เปปไทด์บางชนิด เช่น คอปเปอร์เปปไทด์ (Copper Peptides) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
เพิ่มความยืดหยุ่น : กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ดูอ่อนเยาว์
ปรับสีผิว : ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและป้องกันผิวจากความเสียหายจากแสงแดด
เร่งการซ่อมแซม : สามารถเร่งกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากแสงแดดหรือมลภาวะ
2. เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมัน
กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ : เปปไทด์บางชนิด เช่น Growth Hormone Releasing Peptides (GHRPs) ช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายดูกระชับและแข็งแรง
เพิ่มการเผาผลาญ : การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพื้นฐาน ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
ปรับสัดส่วนร่างกาย : ด้วยการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมัน Peptide Therapy สามารถช่วยปรับสมดุลของร่างกายโดยรวม
3. เพิ่มพลังงานและความสดชื่น
ช่วยให้การนอนมีคุณภาพ : เปปไทด์บางชนิดช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า : การนอนที่ดีมีคุณภาพ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานมากขึ้น
ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า : Peptide Therapy สามารถช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ฟื้นฟูการทำงานของไมโทคอนเดรีย
4. การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
กระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน : เปปไทด์บางชนิด เช่น Thymosin Alpha-1 สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ T ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน
ลดการอักเสบ : ช่วยลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
เพิ่มความต้านทานต่อโรคติดเชื้อ : ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น
5. การปรับปรุงสุขภาพกระดูกและข้อต่อ
กระตุ้นการสร้างมวลกระดูก : กระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูก ลดความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน
ลดการอักเสบในข้อต่อ : คุณสมบัติต้านการอักเสบของเปปไทด์ช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบในข้อต่อ
เพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ : การปรับปรุงสุขภาพของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวของข้อต่อ
6. ฟื้นฟูระบบประสาท
ฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ประสาท : กระตุ้นการซ่อมแซมและการเจริญของเซลล์ประสาท
บำรุงความจำ : การฟื้นฟูเซลล์ประสาทสามารถช่วยเกี่ยวกับความจำและกระบวนการคิด
ลดความเสี่ยงของโรคทางระบบประสาท : การป้องกันและซ่อมแซมเซลล์ประสาทอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางระบบประสาทบางชนิด
7. ปรับสมดุลฮอร์โมน
ปรับสมดุลฮอร์โมน : Peptide Therapy สามารถช่วยรักษาระดับฮอร์โมนให้เหมาะสมตามวัย โดยเฉพาะฮอร์โมนการเจริญเติบโต
ลดอาการวัยทอง : การปรับสมดุลฮอร์โมนช่วยบรรเทาอาการของวัยทองในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ : ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศและช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ
ประโยชน์ของการบำบัดด้วย Peptide Therapy
1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน : เปปไทด์ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยและเส้นบาง ๆ
2. ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว : เปปไทด์มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย ช่วยให้ผิวดูสดใสและสุขภาพดี
3. เพิ่มความชุ่มชื้น : เปปไทด์ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
4. ลดการอักเสบและระคายเคือง : เปปไทด์บางชนิดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการแดงและระคายเคืองของผิว
5. ปรับปรุงสีผิว : เปปไทด์ช่วยลดการผลิตเมลานินที่มากเกินไป ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและลดจุดด่างดำ
6. เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว : เปปไทด์ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและทนต่อมลภาวะภายนอกได้ดีขึ้น

หลักการทำงานของ Peptide Therapy
1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
- เปปไทด์ส่งสัญญาณไปยังเซลล์ผิวเพื่อกระตุ้นการผลิต คอลลาเจน และ อีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอย
2. ฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิว
- เปปไทด์บางชนิดช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย โดยการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่มีสุขภาพดี
3. ลดการอักเสบ
- เปปไทด์มีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบ ช่วยลดรอยแดง อาการบวม และระคายเคือง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสงบ
4. เพิ่มความชุ่มชื้น
- เปปไทด์ช่วยเสริมสร้าง เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ลดปัญหาผิวแห้งและหยาบกร้าน
5. ปรับสมดุลการผลิตเม็ดสี
- เปปไทด์บางชนิดมีบทบาทในการ ยับยั้งการสร้างเมลานิน ซึ่งช่วยลดจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
6. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของผิว
- ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น สามารถป้องกันการทำลายจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะและรังสี UV
7. สนับสนุนการทำงานในระดับเซลล์
- เปปไทด์ทำหน้าที่เป็น Messenger Molecules ส่งสัญญาณให้เซลล์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างเซลล์ใหม่ การซ่อมแซม และการป้องกัน
การใช้งานเปปไทด์ในบริการของ Mousai Wellness Center - เปปไทด์ถูกนำมาใช้ในรูปแบบ การฉีด, ทรีตเมนต์ผิว, หรือในผลิตภัณฑ์ เวชสำอาง เพื่อตรงเข้าฟื้นฟูและดูแลผิวในบริเวณที่ต้องการ
Peptide Therapy เหมาะกับใครบ้าง
1. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวพรรณ : เปปไทด์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับและลดเลือนริ้วรอย
2. ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น : เปปไทด์ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
3. ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือระคายเคือง : เปปไทด์มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการแดงและระคายเคืองของผิว
4. ผู้ที่ต้องการปรับปรุงสีผิว : เปปไทด์ช่วยลดการผลิตเมลานินที่มากเกินไป ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและลดจุดด่างดำ
5. ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว : เปปไทด์ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและทนต่อมลภาวะภายนอกได้ดีขึ้น
6. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหลังการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่น ๆ : เปปไทด์ช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวหลังการทำหัตถการ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
วิธีการเตรียมตัวก่อนรับบริการ Peptide Therapy
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- นัดหมายเพื่อพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและเป้าหมายในการรักษา
- แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติการแพ้ยา หรือยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น ยาต้านการอักเสบ หรือยาที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
2. งดยาบางชนิด
- ยากลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน): งดยากลุ่มนี้อย่างน้อย 7 วันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบการอักเสบของร่างกาย
- หากใช้ยาประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
3. งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 3 วันก่อนการรักษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการฟื้นฟูและการทำงานของ Peptide
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 ลิตรในวันก่อนการรักษา เพื่อช่วยให้ร่างกายพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการดูดซึม
5. งดการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารเคมีรุนแรง
- หากการรักษาเกี่ยวข้องกับผิวหน้า ให้หลีกเลี่ยงการใช้สครับ ครีมผลัดเซลล์ผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเข้มข้นในช่วง 2-3 วันก่อนเข้ารับบริการ
6. พักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรนอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงในคืนก่อนวันเข้ารับบริการ เพื่อให้ร่างกายพร้อมและฟื้นตัวได้ดี
7. สวมเสื้อผ้าที่สะดวกสบาย
- เลือกเสื้อผ้าที่หลวมและสบาย เพื่อความสะดวกในระหว่างการรักษา
8. งดการทำกิจกรรมที่หนักหรือเครียด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากในวันก่อนการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า
9. แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริม
- หากกำลังใช้อาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามินหรือผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อระบบฮอร์โมน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
วิธีดูแล และปฎิบัติหลังทำบริการ Peptide Therapy
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วในวันหลังการรักษา เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมเปปไทด์และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ในระดับลึก
3. งดกิจกรรมหนักหรือการออกกำลังกาย
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ใช้แรงมากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนล้า
4. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 3-5 วันหลังการรักษา เพราะอาจลดประสิทธิภาพของเปปไทด์
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หรือถั่ว เพื่อสนับสนุนการสร้างและฟื้นฟูโปรตีนในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือไขมันทรานส์
6. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง
- หากการรักษาเกี่ยวข้องกับผิวหน้า ควรงดใช้สครับ ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หรือครีมที่มีสารเคมีเข้มข้นในช่วง 2-3 วันแรก
7. ปกป้องผิวจากแสงแดด
- หากเกี่ยวข้องกับการรักษาผิวพรรณ ให้ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
8. สังเกตอาการผิดปกติ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นแดง อาการบวม หรืออาการแพ้ ควรติดต่อแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ของคลินิกทันที
9. เข้ารับการติดตามผลตามคำแนะนำ
- แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการติดตามผลหรือการรักษาเพิ่มเติม เพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับการรักษาให้เหมาะสม