Mousai Wellness Center

LIVER DETOX

Liver Detox

ไขมันพอกตับ ไวรัสตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ ฯลฯ

          การส่งเสริมกระบวนการล้างพิษของตับให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการให้กรดอะมิโน วิตามิน และเกลือแร่ ทางหลอดเลือดดำ  

          ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ลดอาการปวดไมเกรน ลดความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน

      เหมาะสำหรับผู้ที่ดื่มสุรา สูบบุหรี่  รับประทานของปิ้งย่างและทอด ผู้ที่สูดดมฝุ่นละออง ควัน เพราะจะมีสารพิษตกค้างในร่างกายมากกว่าปกติ รวมถึงผู้ที่พักผ่อนน้อย นอนดึกมาก ทำให้กระบวนการล้างพิษของตับด้อยประสิทธิภาพลง การล้างพิษตับจะช่วยปกป้องตับและทำให้ตับฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

โรคที่เกิดขึ้นจากอวัยวะที่เรียกว่า “ตับ” หากเปรียบร่างกายเป็นโรงงาน ตับจะเปรียบเสมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ควบคุมหลายอย่างในโรงงาน ตับเป็นอวัยวะที่ทำคัญที่สุด ทำหน้าที่ สร้างโปรตีนและถุงน้ำดี ควบคุมกรดอะมิโนและการแข็งตัวของเลือด รักษาแร่ธาตุและระดับน้ำตาลในเลือด กรองเลือดและเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย

Liver Detox ที่ Mousai Wellness Center เป็นการบำบัดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยฟื้นฟูและล้างสารพิษในตับ ซึ่งตับมีบทบาทสำคัญในการกำจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย การฟื้นฟูการทำงานของตับสามารถช่วยให้ระบบร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัจจุบันโรคตับติดอันตับต้น ๆ ของโรคที่คนไทยตรวจพบมากที่สุด ซึ่งปัจจัยการเกิดโรคส่วนใหญ่มาจากรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน  คนเรามักชอบทานอาหารปิ้งย่างที่มีไขมันติด ทานอาหารหวาน ๆ มัน ๆ อาหารสำเร็จรูป ดื่มแอลกอฮอล์ ปาร์ตี้ สังสรรค์ ทานอาหารดึก ทานไม่เป็นเวลา ทำงานหนัก นอนดึกหรือนอนเช้า ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพตับ

ประโยชน์ของการทำ Liver Detox:

1. ขับสารพิษออกจากตับ: ช่วยกำจัดสารพิษและของเสียที่สะสมอยู่ในตับและระบบน้ำดี

2. ฟื้นฟูการทำงานของตับ: ทำให้ตับแข็งแรงและทำงานได้ดียิ่งขึ้น

3. เพิ่มพลังงาน: ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าและมีพลังงานมากขึ้น

4. ปรับปรุงสุขภาพผิว: ลดปัญหาผิวพรรณที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับ เช่น สิวและผิวหมองคล้ำ

5. ลดอาการแฮงค์: ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์

เหมาะสำหรับ:

• ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือมีสารพิษสะสมในร่างกายจากการใช้ชีวิตประจำวัน

• ผู้ที่รู้สึกอ่อนเพลียหรือต้องการฟื้นฟูสุขภาพ

• ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคเรื้อรังในอนาคต

การบำบัด Liver Detox ด้วย IV Therapy:

ที่ Mousai Wellness Center การทำ Liver Detox จะรวมอยู่ในโปรแกรม IV Therapy โดยใช้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลูต้าไธโอน (Glutathione) และ วิตามินซี ที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและบำรุงตับอย่างมีประสิทธิภาพ การให้สารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำนี้จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และรวดเร็ว

การล้างพิษในตับช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากภาวะเหนื่อยล้าและมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตร IV Detox หรือการบำบัดอื่น ๆ ได้เลยค่ะ

ข้อห้ามและข้อควรระวังในการทำ Liver Detox:

การทำ Liver Detox โดยเฉพาะผ่าน IV Therapy จำเป็นต้องระมัดระวังและพิจารณาข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้:

1. สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร:

  • สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยง การทำ Liver Detox เนื่องจากส่วนผสมบางอย่างในโปรแกรมดีท็อกซ์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือเด็กทารกได้

2. ผู้ป่วยโรคตับหรือไตขั้นรุนแรง:

  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ตับ หรือ ไตขั้นรุนแรง ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอวัยวะเหล่านี้อาจไม่สามารถขับสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลง

3. ผู้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือด:

  • ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนทำการดีท็อกซ์ เนื่องจากส่วนผสมบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก

4. ผู้ที่แพ้ส่วนผสมในสูตรดีท็อกซ์:

  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้สารต่าง ๆ เช่น กลูต้าไธโอน (Glutathione) หรือ วิตามินซี ควรหลีกเลี่ยงการทำ IV Detox เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาแพ้

5. ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังทำเคมีบำบัด:

  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการทำ เคมีบำบัด หรือการฉายแสงควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากการทำดีท็อกซ์อาจมีผลกระทบต่อการรักษามะเร็ง

6. ผู้ที่มีภาวะโรคหัวใจขั้นรุนแรง:

  • ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้ควรระมัดระวัง เนื่องจากการดีท็อกซ์อาจทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดและอิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล ซึ่งอาจทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

7. ผู้ที่ขาดน้ำอย่างรุนแรง:

  • ผู้ที่มีภาวะ ขาดน้ำอย่างรุนแรง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนการทำดีท็อกซ์ เพื่อป้องกันการขาดน้ำเพิ่มเติมจากการทำ IV Detox

8. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง:

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS ควรหลีกเลี่ยงการทำดีท็อกซ์ เนื่องจากอาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักเกินไป

ข้อควรพิจารณาพิเศษ:

  • ควรให้สารน้ำอย่างช้า ๆ ในผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านหัวใจหรือความไวต่อการรักษา เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ รับสารอาหารและวิตามินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ควร ปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มการทำ Liver Detox ทุกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมของการรักษาตามสภาพร่างกายและสุขภาพของแต่ละบุคคล

การปฏิบัติตามข้อห้ามและข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Liver Detox ได้อย่างปลอดภัย.

การเตรียมตัวก่อนทำ Liver Detox:

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการทำ Liver Detox โดยเฉพาะผ่าน IV Therapy เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด ต่อไปนี้คือวิธีการเตรียมตัวที่แนะนำ:

1. ปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา:

  • ก่อนเริ่มการทำ Liver Detox ควร ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อประเมินสภาพร่างกายและตรวจสอบว่ามีข้อห้ามหรือความเสี่ยงใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาหรือไม่
  • แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติการแพ้ยา หรือสารที่ใช้ในการรักษา เช่น กลูต้าไธโอน (Glutathione) หรือวิตามินต่าง ๆ

2. การทานอาหารและดื่มน้ำ:

  • ควร ดื่มน้ำให้เพียงพอ ก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำและทำให้ร่างกายสามารถรับสารอาหารและวิตามินผ่านทางหลอดเลือดได้ดียิ่งขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงหรืออาหารหนัก ๆ ก่อนการรักษา เนื่องจากตับต้องทำงานหนักขึ้นในการเผาผลาญไขมัน อาจส่งผลให้การดีท็อกซ์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

3. หยุดการใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด:

  • หากคุณใช้ยา กลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด หรืออาหารเสริมที่อาจมีผลต่อการไหลเวียนเลือดหรือระบบภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่า ควรหยุดใช้ชั่วคราว หรือไม่

4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสารพิษ:

  • ควร งดดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารพิษ เช่น ควันบุหรี่ หรือสารเคมี ก่อนทำ Liver Detox อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้ตับสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. เตรียมข้อมูลสุขภาพ:

  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับ ประวัติสุขภาพส่วนตัว เช่น โรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ และการรักษาที่ได้รับในปัจจุบัน เพื่อให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ

6. พักผ่อนให้เพียงพอ:

  • การพักผ่อนอย่างเต็มที่ ก่อนวันทำการรักษา จะช่วยให้ร่างกายของคุณพร้อมรับการดีท็อกซ์และฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังการรักษา

7. เตรียมตัวสำหรับการติดตามผล:

  • หลังทำ Liver Detox อาจมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษา และตรวจสอบความคืบหน้าของการฟื้นฟูสภาพตับ ดังนั้นควร เตรียมตัวสำหรับการติดตามผล ตามคำแนะนำของแพทย์

การเตรียมตัวตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การทำ Liver Detox เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยที่ร่างกายของคุณสามารถรับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาได้

จำนวนครั้งในการทำ Liver Detox ขึ้นอยู่กับสุขภาพและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป การทำ Liver Detox มักจะแนะนำให้ทำเป็น คอร์สต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการฟื้นฟูและล้างสารพิษออกจากร่างกายอย่างเต็มประสิทธิภาพ

จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับ Liver Detox:

1. คอร์สเริ่มต้น:

  • ปกติแล้ว แนะนำให้ทำ Liver Detox สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกันประมาณ 6-10 ครั้ง เพื่อช่วยให้ร่างกายขจัดสารพิษและฟื้นฟูการทำงานของตับได้เต็มที่
  • ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น การทำงานของตับผิดปกติ อาจต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก

2. การบำรุงรักษา (Maintenance):

  • หลังจากคอร์สแรกเสร็จสิ้น สามารถทำ Liver Detox เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อคงสภาพการทำงานที่ดีของตับและช่วยป้องกันการสะสมสารพิษในระยะยาว

3. ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว:

  • สำหรับผู้ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน สามารถทำ Liver Detox ปีละ 2-3 คอร์ส (คอร์สละ 6-10 ครั้ง) เพื่อช่วยล้างสารพิษสะสมในร่างกายและเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้นตลอดเวลา

การทำ Liver Detox ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน และควรมีการติดตามผลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม

ไขมันพอกตับ หรือไขมันเกาะตับ สายปิ้งย่างหรือหมูกระทะไหม้นิดๆ เกียมหน่อยๆ ทานอาหารหวานมัน ทานจั๊งค์ฟู๊ด ไม่ค่อยออกกำลังกาย ควรระวัง

ตับแข็ง สายปาร์ตี้ ดื่มหนัก ดื่มเป็นประจำ ยิ่งดื่มบ่อยแอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมไปสะสมอยู่ที่ตับ ทำให้ตับอักเสบมีไขมันเกาะตับ และในที่สุดเป็นโรคตับแข็ง

ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งติดได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายและไปทำลายเซลล์ตับอย่างช้าๆ หากไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน หรือไม่ได้ตรวจการทำงานของตับ อาจทำให้เกิดตับแข็งและร้ายแรงสุดกลายเป็น “มะเร็งตับ”

          หากตับป่วยจะมี 2 อย่าง คือ 1. มีอาการเกิดเฉพาะที่บริเวณตับ และ 2. อาการที่เกิดจากการทำงานของตับที่ลดลง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตับป่วย MOUSAI WELLNESS CENTER มีแพคเก็จตรวจสุขภาพตับพร้อมทั้งมีแพทย์อธิบายผลตรวจ

Liver Health Check ตรวจสุขภาพตับ ดูการทำงานของตับ ประกอบด้วย ค่าเอนไซม์ตับ ไวรัสตับ และสารบ่งชี้มะเร็งตับ ดังนี้

ค่าเอนไซม์ตับ

AST (Aspartate transaminase) หรือ SGOT (Serum glutamic oxaloacetic transaminase)  เป็นเอนไซม์สามารถพบได้จากอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย เช่น หัวใจ ไต สมอง และกล้ามเนื้อ แต่จะพบมากที่ตับ

ALT (Alanine transaminase) หรือ SGPT (Serum glutamate-pyruvate transaminase) เป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญโปรตีนเป็นพลังงาน ซึ่งพบมากที่ตับ

ALP (Alkaline phosphatase)  เป็นเอนไซม์ที่พบในกระดูก ท่อน้ำดี และตับ และสามารถแยกอาการผิดปกติระหว่างตับกับกระดูกได้หากตรวจร่วมกับเอนไซม์ตัวอื่น

GGT ( Gamma GT หรือ Gamma-glutamyl transferase หรือ Gamma-glutamyl transpeptidase)  เป็นเอนไซม์ตัวหนึ่งของตับใช้บ่งชี้ความผิดปกติของเซลล์ตับ  เซลเยื่อบุท่อน้ำดี และตับอ่อน ไขมันพอกตับ

ไวรัสตับ

HBs Ag (Hepatitis B surface antigen)  เป็นแอนติเจน (สารประกอบของเชื้อโรค) หรือโปรตีนจากเปลือกของเชื้อไวรัส บ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

Anti-HBs (Anti-Hepatitis B surface)  เป็นแอนติบอดี (ภูมิคุ้มกัน) ต่อแอนติเจนที่อยู่บนผิวของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี บ่งบอกการเคยติดเชื้อหรือได้รับวัคซีน

Anti HCV (Anti- Hepatitis C Virus ) เป็นภูมิคุ้มกันของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี บ่งบอกว่ามีเชื้อหรือเคยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

สารบ่งชี้มะเร็งตับ

AFP (Alpha-fetoprotein) เป็นสารโปรตีนในเลือด หากค่าสูงมักเจอในผู้ที่เป็นเนื้องอกในตับ โรคตับ มะเร็งตับ

อาการที่เกิดขึ้น
เมื่อตับมีปัญหา

man-stands-with-stomachache_Web

ใครบ้างที่ตรวจค่าตับ?