Author name: admin

6 ฮอร์โมน ที่มีผลต่อการนอนหลับ

1. Melatonin Hormone-ฮอร์โมนเมลาโทนิน (ราชาการนอนหลับ) 🛌ฮอร์โมนเมลาโทนิน เป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการนอนหลับของเรา!เมลาโทนินถูกสร้างขึ้นโดยต่อมไพเนียลในสมองจะถูกปล่อยออกมาในช่วงกลางคืน ให้ร่างกายเตรียมความพร้อมเพื่อการนอนหลับ 🥱เช่น ทำให้รู้สึกง่วงนอน ลดอุณหภูมิร่างกาย และชะลอการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง อีกทั้งเมลาโทนินยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้อีกด้วย2. Cortisol Hormone-ฮอร์โมนคอร์ติซอล 😡คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการจัดการความเครียด เมื่อร่างกายได้รับความเครียด ระดับคอร์ติซอลก็จะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้รู้สึกกระวนกระวายและนอนหลับไม่สนิทการลดความเครียด โดยการออกกำลังกาย หรือการผ่อนคลายก่อนนอน จึงมีความจำเป็นต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพอย่างมาก3. Growth Hormone-โกรทฮอร์โมน 🌃โกรทฮอร์โมนมีบทบาทช่วยในการควบคุมการนอนหลับในผู้หญิง โดยเฉพาะระหว่างรอบเดือนเนื่องจากในช่วงก่อนมีประจำเดือนฮอร์โมนนี้มีระดับสูงสุด จึงอาจทำให้นอนหลับยาก 🌙นอกจากนี้ อาการไข้หนาว ปวดศีรษะ และอารมณ์แปรปรวน ก็เป็นอาการของโกรทฮอร์โมนที่อาจส่งผลให้นอนหลับไม่สนิทได้เช่นกัน 4. Oxytocin Hormone-ฮอร์โมนออกซิโตซิน (ฮอร์โมนแห่งความรัก)🎎จะหลั่งออกมาระหว่างที่มีการสัมผัสกับผู้อื่น และรับรู้ได้ถึงความรัก จะทำให้รู้สึกมีความสุข ปลอดภัย สบายใจ ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้นและลดความเครียด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้5. Thyroid Hormone-ฮอร์โมนไทรอยด์ 🦋ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถส่งผลกระทบต่อการนอนหลับได้เมื่อร่างกายขาดสารไทรอกซินซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญจากต่อมไทรอยด์ จะทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน รวมถึงมีปัญหาในการนอนหลับด้วยเพราะฮอร์โมนไทรอยด์ช่วยควบคุมการนอนหลับและการตื่นตัว เมื่อขาดฮอร์โมนไทรอยด์อาจทำให้นอนหลับยาก หรือแม้แต่หยุดหายใจชั่วคราวขณะนอนหลับได้ 6. Estrogen Hormone-ฮอร์โมนเอสโตรเจน 👩‍🦰เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่มีบทบาทหลายด้าน หากมีระดับสูงผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท  เนื่องจากส่งผลกดทับการทำงานของฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้มีอาการกระวนกระวาย เครียด วิตกกังวล และนอนไม่หลับฮอร์โมนแต่ละชนิดเกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เราต้องใส่ใจดูแลร่างกายเพื่อให้ฮอร์โมนเหล่านี้สมดุล การนอนหลับก็จะดีตามไปด้วย 📈 การปรับสมดุลฮอร์โมน ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งปรับพฤติกรรมการนอนเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตรวจฮอร์โมน https://mousaiwellness.com/hormone-check-up/ ติดต่อได้ที่ศูนย์ดูแลสุขภาพ 🏥 Mousai Wellness Center 🌿.📍 https://maps.app.goo.gl/5upfoxwpdsg9hVNx5📩 Line : @MousaiWellness🌐 mousaiwellness.com☎️ 02-0964991 , 061-8941881   #Mousai #MousaiWellness #โปรโมชัน #ดีท็อกซ์ #PRP #PRPเข่า#Detox #Wellness #Holistic #ดูแลสุขภาพ #checkup #ApoE #คลินิกความงาม #ศูนย์สุขภาพ #ความงาม #ชะลอวัย #Probiotics #โพรไบโอติกส์ #จุลินทรีย์ดี #ระบบขับถ่าย #ตรวจสุขภาพ #ตรวจเลือด #basiccheckup #นอนไม่หลับ #เครียด #insomnia #sleep #anti-aging

Loading

6 ฮอร์โมน ที่มีผลต่อการนอนหลับ Read More »

Benefits of Durian

ทุเรียน ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ที่สามารถรับประทานได้ทั้งสุกและห่ามแล้วแต่คนชอบ นอกจากนี้ยังนำไปใช้ทำอาหารได้อย่างหลากหลาย แม้แต่เมล็ดก็รับประทานได้แต่ต้องทำให้สุกก่อน จึงมีหลายท่านโปรดปรานที่ผลไม้ชนิดี้ แต่มักจะถูกทัดทานจากระดับน้ำตาล และ ไขมันเพิ่มสูงเกินระดับควบคุม จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทุเรียนทำให้เบาหวานสูงขึ้น ไขมันสูงขึ้นจริงหรือ? กินทุเรียนมีประโยชน์มั้ย? เช่นนั้นเรามาดูข้อเท็จจริงของทุเรียนไปพร้อมกัน ทุเรียนมีมากกว่า 30 ชนิด แต่มีเพียง 9 ชนิดเท่านั้นที่สามารถรับประทานได้ และมีเพียงสายพันธุ์ Durio zibethinus ชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ในสายพันธุ์นี้ก็แบ่งแยกย่อยไปอีกมากกว่า 200 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและปลูกกันมากก็คือ พันธุ์หมอนทอง ชะนี กระดุมทอง และพันธุ์ก้านยาว เป็นต้น คุณค่าทางสารอาหารของทุเรียนแต่ละพันธุ์ คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อทุเรียนต่อ 100 กรัม ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database) ประโยชน์ของทุเรียน ทุเรียนพันธุ์หมอนทองสามารถช่วยลดระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอลได้ เพราะทุเรียนสายพันธุ์นี้มีสารโพลีฟีนอล (Pholyphenols) และมีเส้นใยที่ช่วยลดไขมันได้ แต่ว่าต้องรับประทานแค่ 1 พูต่อวัน (นพ.กฤษดา ศิรามพุช) เนื่องจากทุเรียนมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทอง) การบริโภคทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันการเกิดโรคในมนุษย์ได้ เช่น โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง เป็นต้น แม้ทุเรียนจะมีไขมันมากก็ตาม แต่ก็เป็นไขมันชนิดดีที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย เส้นใยของทุเรียนมีส่วนช่วยในการขับถ่ายให้สะดวกยิ่งขึ้น ในทุเรียนมีโฟเลต (Folate) หรือ วิตามินบี 9 ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงดีต่อระบบเลือด นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็ก ป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจาง ช่วยบำรุงสายตา และชะลอความเสื่อมกระจกตา ยิ่งเนื้อทุเรียนสีเหลืองเข้มเท่าไหร่ก็จะยิ่งพบเบตาแคโรทีนมาก ช่วยบำรุงสายตา ชะลอการเสื่อมของกระจกตา และป้องกันการเกิดต้อกระจกในกลุ่มผู้สูงอายุ ผลสามารถนำมาแปรรูปหรือทำเป็นขนมหวานได้หลายชนิด เช่น ลูกกวาดโบราณ, ขนมไหว้พระจันทร์, ขนมปังสอดไส้, ไอศกรีม, มิลก์เชก, เค้ก, คาปูชิโน, ข้าวเหนียวทุเรียน, เต็มโพยะก์, ทุเรียนดอง, ทุเรียนแช่อิ่ม, ทุเรียนกวน, ทุเรียนกรอบ, แยมทุเรียน ฯลฯ เมล็ดทุเรียนสามารถรับประทานได้ โดยนำมาทำให้สุกด้วยวิธีการคั่ว การทอดในน้ำมันมะพร้าว หรือการนึ่ง โดยเนื้อในจะมีลักษณะคล้ายกับเผือกหรือมันเทศแต่เหนียวกว่า ใบอ่อนหรือหน่อของทุเรียนสามารถนำมาใช้ทำอาหารบางอย่างคล้ายกับผักใบเขียวได้เช่นกัน เปลือกทุเรียนสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการรมควันปลา เปลือกสามารถนำมาผลิตทำเป็นกระดาษได้ ซึ่งจะมีเส้นใยเหนียวนุ่มและเหนียวกว่าเนื้อกระดาษสา ในประเทศอินโดนีเซียมีการนำดอกทุเรียนมารับประทาน สำหรับความเชื่อในบ้านเรานั้น การปลูกต้นทุเรียนไว้ในบริเวณบ้าน (ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) เชื่อว่าผู้อยู่อาศัยจะเป็นผู้มีความรู้ แก่วิชาการเรียน หรือเป็นผู้รู้มาก เพราะคำว่าทุเรียนมีเสียงพ้องกับเกี่ยวกับการเรียนนั่นเอง ข้อควรระวัง ทุเรียนมีน้ำตาลและไขมันสูง และเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน หากทานเยอะเกินไปอาจทำอ้วนได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง, โรคความดันโลหิตสูง และ โรคหัวใจ ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ เช่น คัน ลมพิษ หายใจลำบาก แนะนำให้ทานในปริมาณเหมาะสม และปรึกษาแพทย์ก่อนทาน ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99/ | Medthai สรรพคุณทางยาของทุเรียน สรรพคุณตามตำรายาไทย ระบุไว้ว่า รากทุเรียน มีรสฝาดขมใช้แก้ไข้และแก้ท้องร่วง ใบทุเรียน มีรสขม เย็นเฝื่อน ใช้แก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิ และทำให้หนองแห้ง เปลือกทุเรียน มีรสฝาดเฝื่อน ใช้รักษากลากเกลื้อน สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย พุพอง แก้ฝี ตานซาง เนื้อทุเรียน มีรสหวาน ร้อน ใช้แก้จุกเสียดในท้อง ให้ความร้อนกับร่างกาย บำรุงกำลัง แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีแห้ง และขับพยาธิไส้เดือน การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ลดไขมันในเลือด แต่ยังเป็นเพียงการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง สาร polysaccharide gel ที่ได้จากเปลือกทุเรียนมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เมื่อนำไปผสมในอาหารสัตว์ก็พบว่าสามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกันให้กับกุ้งได้ มีการนำ polysaccharide gel ไปพัฒนาเป็นแผ่นฟิล์มปิดแผล ซึ่งพบว่าช่วยสมานแผลและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี ทุเรียน กินตามนี้มีประโยชน์ จากข้อมูลของกรมอนามัยแนะนำว่า 👉 เลือกกินแบบที่ไม่สุกจัด เพราะปริมาณน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นตามระดับความสุกของทุเรียน 👉 ไม่กินถี่ทุกวัน 👉 ไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ดกลาง เนื่องจากการกินทุเรียน 4-6 เม็ด เทียบเท่ากับการดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง (พลังงานประมาณ 400 กิโลแคลอรี่) จึงเป็นเหตุให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินควร ดังนั้นไม่ควรรับประทานทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ด 👉 ไม่ควรกินทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 🍺พบว่าการกินของทั้งสองอย่างนี้พร้อมกัน อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มีอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียน ในบางกรณีที่รุนแรงหัวใจอาจเต้นผิดจังหวะ 👉 ไม่ควรกินเครื่องดื่มน้ำอัดลม 🥤 หรืออาหารที่มีรสหวานจัด คู่กับ ทุเรียน จะเป็นการเพิ่มน้ำตาลและให้พลังงานสูงให้แก่ร่างกาย หากรับประทานมากก็จะเป็นร้อนใน ยังสะสมเป็นไขมันที่ทำให้อ้วนด้วย นอกจากเนื้อทุเรียนแล้ว ยังหมายรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากทุเรียน เช่น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ไอศกรีมรสทุเรียน🍨 หากรับประทานมากติดต่อกันหลายๆ วัน ก็จะทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งเราควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย จึงจะได้ทั้งความอิ่มอร่อยและสุขภาพดีอย่างไม่ต้องกังวลกับปัญหาสุขภาพที่จะตามมา 👉 คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันสูง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ 👉 หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ 👉 ลดอาหารกลุ่ม ข้าว-แป้ง 1 ทัพพี ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด หรือมันจัดในมื้อที่กินทุเรียน เพื่อที่จะได้รับพลังงานในปริมาณที่ไม่เกินกว่าร่างกายต้องการ ทุเรียนกับโรคประจำตัวยอดฮิต 1.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทุเรียนจัดเป็นผลไม้ที่ให้น้ำตาล ไขมัน และมีพลังงานสูง ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานกินทุเรียนเข้าไป อาจทำให้มีอาการน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ส่งผลให้เจ็บป่วยไม่สบายตัวหรือร้อนใน และอาจเป็นอันตรายถึงภาวะช็อกได้ 2.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ทุเรียนจัดว่าเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ความดันสูงขึ้นจนอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้ 3.ผู้ป่วยโรคไตและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตร่างกายจะขับโพแทสเซียมออกได้ไม่ดี ซึ่งถ้ามีการสะสมของโพแทสเซียมปริมาณมาก จะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ 4. ผู้ที่ต้องการคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือด ทุเรียนจัดเป็นผลไม้ที่ให้น้ำตาล ไขมัน และมีพลังงานสูง ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการกินทุเรียน ทั้งทุเรียนสดและทุเรียนแปรรูป และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ข้อมูลอ้างอิง (Source) : ข่าวสาร : “ทุเรียน” กินอย่างไรไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ในมุมมองของแพทย์จีน – มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (cmu.ac.th)

Loading

Benefits of Durian Read More »

Meditation program test

          โปรแกรมการฝึกทำสมาธิ เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้เริ่มต้น สามารถฝึกและพัฒนาสมาธิของตนเอง มีส่วนสำคัญในการบริหารจัดการอารมณ์ ลดความเครียด ปรับสมดุลในชีวิตและพัฒนาความรู้สึกความสุข           การทำสมาธิมีประโยชน์มากมาย และเป็นส่วนสำคัญในด้านการผลักดันสภาพจิตใจและร่างกาย           ช่วยปรับอัตราการเต้นของหัวใจการหายใจ ความดันโลหิตและเคมีในสมอง ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สามารถช่วยลดความเครียดและเยียวยาอาการซึมเศร้า ลดอาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย พัฒนาการจดจ่อมีสมาธิในการทำงาน           ซึ่งเป้าหมายของโปรแกรมนี้ จะสามารถทำให้การทำสมาธิที่ถูกต้องนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งจะส่งเสริมประโยชน์ในระยะยาวด้วย โดยผู้เข้าร่วมโปรแกรมการสร้างสมาธินี้สามาถกำหนดระยะการทำโปรแกรมตามแต่ละบุคคลตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

Loading

Meditation program test Read More »

รีวิวการทำ Ozone Therapy ที่ Mousai Wellness Center

เติมโอโซนให้กับเซลล์เม็ดเลือด ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในยุคที่มีมลภาวะหรือมลพิษต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย  ทำให้ผู้คนป่วยง่าย ป่วยบ่อย เช่น โรคภูมิแพ้ เป็นหวัด มีผื่นขึ้นตามผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือบางคนเจอโรคร้ายแรง ในขณะที่กำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หลาย ๆ ท่านจึงเริ่มสนใจดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น วันนี้แอดมินขอพามารู้จักกับ Ozone Therapy หรือ โอโซนบำบัดที่ Mousai Wellness Center มีประโยชน์อย่างไร เหมาะกับใคร และมีขั้นตอนอะไรบ้างในการทำ Ozone Therapy แอดมินได้รู้จัก Ozone Therapy เนื่องจากทำงานในคลินิกดูแลสุขภาพแบบองค์รวม หรือด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเชิงป้องกันโรคมาหลายปี เห็นชาวต่างชาติมากมายหลายท่านเข้ามาทำโอโซนบำบัด ซึ่งผ่านการบอกต่อกันมาโดยเฉพาะชาวอาหรับ แอดมินอยากลองทำบ้าง อยากรู้ว่าดีอย่างไร แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ จนมาร่วมงานกับคุณหมอบิ๊ก หรือแพทย์หญิงภิญญาพัชญ์ ชัยภูริหิรัญญ์ ที่ Mousai Wellness Center คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทางด้านนี้มามากกว่า 10 ปี ได้ปรึกษาคุณหมอบิ๊ก เนื่องจากรู้สึกว่าไม่สดชื่น เหนื่อยง่าย เพลียง่าย หายใจไม่เต็มอิ่ม ภูมิตกบ่อย บ้างครั้งไม่มีแรงออกเสียงพูด ตาอักเสบและเป็นเริมที่ริมฝีปาก ปีละ 1-2 ครั้ง เคยเป็นงูสวัสที่แขนและขา คุณหมอจึงแนะนำให้ทำโอโซนบำบัดช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสริมภูมิให้กับร่างกายค่ะ ขั้นตอนการเข้ารับบริการที่ Mousai Wellness Center มีดังนี้ค่ะ (ทุกคนที่เข้ามา จะได้รับบริการเหมือนกัน) เจ้าหน้าที่จะทำการซักประวัติโดยละเอียด เรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน โรคประจำตัวต่างๆ รวมถึงวิตามินหรือยาที่ทานอยู่ ในระหว่างซักประวัติ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ทานน้ำเยอะๆ เนื่องจากการทำ Ozone Therapy จะมีการดึงเลือดออก เลือดจะได้ไม่หนืด. ซักประวัติเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะพาไปวัดความดัน วัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนัก. จากนั้นเข้าห้องตรวจ Check up เช็คดูว่ามีปัญหาสุขภาพอื่นๆอีกไหม ซึ่งมีการตรวจ AI Bio Body Scan สแกนร่างกายด้วยกระแสไฟฟ้าแบบอ่อนๆ เพื่อดูการทำงานในร่างกาย 9 ระบบและตรวจ Live Blood Analysis ดูเม็ดลักษณะของเม็ดเลือดเบื้องต้น. เจ้าหน้าที่พาเข้าห้องคุณหมอบิ๊กเพื่อฟังผลตรวจ Check up คุณหมออธิบายผลตรวจละเอียดมากๆ แนะนำให้ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับร่างกายของเราด้วย และอธิบายว่า Ozone Therapy คืออะไร นอกจากการตรวจ Check up เบื้องต้นแล้ว ยังมีการเจาะเลือดส่งเข้าห้องแลป เพื่อดูค่าเลือด ดูการทำงานของร่างกายแบบละเอียดยิ่งขึ้นด้วยค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพแต่ละบุคคล Ozone therapy หรือโอโซนบำบัดคืออะไร? โอโซนบำบัด เป็นการใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์มาสร้างเป็นโอโซนทางการแพทย์ที่มีความเข้มข้นเหมาะสมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผ่านเครื่องให้กำเนิดโอโซน โดยเครื่องนี้จะเปลี่ยนออกซิเจน (O2) ให้เป็นโอโซน (O3)  ผ่านทางเลือดโดยการนำเลือดจากภายในร่างกายของเรา ประมาณ  150-200 ซีซี มาผสมเข้ากับโอโซนทางการแพทย์ด้วยเทคนิคที่ปราศจากเชื้อโรค จากนั้นจึงนำเลือดคืนกลับเข้าสู่ร่างกาย Ozone therapy มีประโยชน์อย่างไร? ช่วยเพิ่มออกซิเจนในระดับเนื้อเยื่อ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยฆ่าเชื้อไวรัสบางชนิด ส่งผลดีกับคนไข้โรคมะเร็ง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นการหลั่งโกรทแฟคเตอร์ ช่วยซ่อมแซมร่างกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในระดับเซลล์ ช่วยชะลอวัย ส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรง มาถึงขั้นตอนการทำ Ozone Therapy หรือโอโซนบำบัดกัน 1. เจ้าหน้าที่พยาบาลพาไปยังห้องทำโอโซน ซึ่งเป็นเตียงแบบนอน จากนั้นอธิบายการทำทีละขั้นตอน โดยหยิบเซทอุปกรณ์และแกะเซทออกจากห่อให้เราดูเป็นแบบปลอดเชื้อ (Sterile) ให้มั่นใจว่าปลอดภัย. 2. จากนั้นทำการรัดแขนเช็ดแอลกอฮอล์ เพื่อหาเส้นเลือด ทำการเจาะเลือดและดึงเลือดของเราไปยังขวดบรรจุ เลือดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในขวด ใช้เลือดประมาณ 150-200 ซีซี ขึ้นอยู่กับแต่ละคน. 3. เมื่อเลือดถึงขวดบรรจุในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว เจ้าหน้าที่พยาบาลทำการเติมโอโซนเข้าไปในขวดบรรจุ และเขย่าเพื่อผสมเลือดเข้ากับโอโซน จะเห็นว่าเลือดจากสีแดงเข้มๆ หรือแดงเลือดหมูเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส. 4. จากนั้นค่อยๆ คืนเลือดของเราทั้งหมดที่ดึงไปเติมโอโซนและเปลี่ยนเป็นสีแดงสดใส เข้าสู่ร่างกายของเราเหมือนเดิม (ในระหว่างที่ทำนั้น เจ้าหน้าที่พยาบาลมีการอธิบายในสิ่งที่กำลังทำทุกขึ้นตอน เพื่อให้เราผ่อนคลายไม่กังวล สบายใจยิ่งขึ้น และสอบถามอาการระหว่างทำว่ามีอาการอย่างไร) 5. หลังจากทำโอโซนเสร็จเราจะได้รับประทานอาหารว่าง อาจจะเป็นสลัดโรล แซนวิช ซุปธัญพืช น้ำสมุนไพร ซึ่งเราสามารถเลือกเองได้ การทำโอโซนบำบัดใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที รีวิวหลังจากทำโอโซนบำบัด หลังทำ 1-2 ชม. รู้สึกว่าร่างกายสดชื่นมาก รู้สึกมีพลัง แอคทีฟ สมองปลอดโปร่ง กลางคืนนอนหลับสนิทขึ้น ตื่นเช้ามายังรู้สึกสดชื่น ไม่เพลียและไม่ง่วงระหว่างวัน. รู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่เป็นภูมิแพ้บ่อยๆ ทำงานได้เต็มที่ ใครบ้างที่เหมาะสมในการทำโอโซนบำบัด คนไข้หวัดบ่อย เป็นภูมิแพ้หรือมีภาวะติดเชื้อ คนปัญหาผื่นแพ้ ลมพิษ หอบหืด คนที่มีปัญหาระบบไหลเวียนโลหิต เลือดหนืด คนที่มีปัญหาเรื่องแผลเรื้อรัง คนที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ข้อห้ามและข้อควรระวัง หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างในนมบุตร ผู้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยเฉพาะที่ปอด ผู้ที่มีความเจ็บป่วยร้ายแรงจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ที่มีภาวะพร่อง Enzyme G-6-PD ผู้มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด การเตรียมตัวก่อนทำ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเพื่อป้องกันเลือดหนืด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่เพื่อปรึกษากับคุณหมอว่าควรทำหรือไม่ ความประทับใจหลังการทำโอโซนบำบัดที่ Mousai Wellness Center คุณหมอบิ๊กใส่ใจและอธิบายละเอียดมากๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ตอบคำถามได้ดี สถานที่สะอาด อาหารว่างอร่อย  เดินทางสะดวกอยู่สุขุมวิท 39 ใจกลางเมือง เดินทางได้ทั้งรถส่วนตัว มีที่จอดรถหรือทางรถไฟฟ้า BTS ก็ได้ค่ะ ในยุคสมัยนี้หากเรารอให้เจ็บป่วยก่อนอาจจะรักษาได้ไม่ทัน มาดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงก่อนเกิดโรคกันค่ะ แนะนำเลยที่ Mousai Wellness Center ประทับใจตั้งแต่เดินเข้ามาที่คลินิก

Loading

รีวิวการทำ Ozone Therapy ที่ Mousai Wellness Center Read More »

🚨 “การหกล้มในผู้สูงอายุ” ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม! 😱

ขอบคุณรูปภาพจาก : https://isaac.care/falls-in-our-elderly-the-facts-figures-and-prevention/ ผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจมากมาย จนอาจทำให้เสี่ยงต่อการหกล้มได้ง่าย🍂 ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร แต่รู้หรือไม่ว่า…การหกล้มเพียงครั้งเดียว อาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงมากมาย ทั้งต่อสุขภาพกายและใจ รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยเลยทีเดียว! 😢 วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการป้องกันการหกล้ม และผลเสียที่อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้สูงอายุหกล้มกันค่ะ เพื่อที่เราจะได้ช่วยกันดูแลป้องกัน ไม่ให้ผู้ใหญ่ที่เรารักต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้กันนะคะ 🙏💖 📌 ผลกระทบจากการหกล้มในผู้สูงอายุ มีอะไรบ้าง? 🤕 ขอบคุณรูปภาพจาก : Falls Elderly Public Health Issue Risk Factors Management 1. กระดูกหัก (Fracture)เมื่อผู้สูงอายุล้ม กระดูกที่มักหักได้บ่อย ได้แก่ สะโพก ข้อมือ และกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจต้องผ่าตัด นอนโรงพยาบาลนาน และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดอักเสบ เป็นต้น 2. สมองกระทบกระเทือน (Traumatic Brain Injury) การหกล้มที่ศีรษะกระแทกพื้นแรง อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่สมอง เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง จนมีอาการสับสน มึนงง อาเจียน ชัก หมดสติ หรือเสียชีวิตได้ในที่สุด 3. เสียความมั่นใจในการเคลื่อนไหว (Fear of Falling)หลังจากหกล้ม ผู้สูงอายุมักมีความกลัวการล้มซ้ำ จนไม่กล้าเดิน เคลื่อนไหว หรือออกจากบ้าน ทำให้สูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ข้อต่อฝืดติด กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้มมากยิ่งขึ้น 4. ภาวะพึ่งพิง (Dependency) ผลจากการบาดเจ็บรุนแรง อาจทำให้ผู้สูงอายุต้องนอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการทำกิจวัตรประจำวัน ส่งผลให้ภาระการดูแลของครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 5. ภาวะซึมเศร้า (Depression)การสูญเสียความสามารถ พึ่งพาตนเองไม่ได้ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเหมือนเดิม มักทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกสิ้นหวัง เศร้าใจ คิดว่าตนเองไร้ค่า จนเกิดภาวะซึมเศร้า และมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายได้ในที่สุด (อ้างอิงจาก Kvelde T., et al., 2015) 😱 น่ากลัวมากใช่ไหมคะ? เห็นแบบนี้แล้ว เราต้องช่วยกันหาทางป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุหกล้มกันนะคะ เพื่อให้ท่านมีสุขภาพดี ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บนะคะ 💡 หากสงสัยว่าผู้สูงอายุที่บ้านมีความเสี่ยงต่อการหกล้มหรือไม่ ลองนึกถึงปัจจัยเหล่านี้ดูนะคะ เช่น– เคยหกล้มมาก่อนภายใน 1 ปีที่ผ่านมา– เดินเซ ทรงตัวไม่ดี เมื่อยล้ากล้ามเนื้อ– มีปัญหาการมองเห็น สายตาพร่ามัว– ทานยาที่มีผลข้างเคียงต่อการทรงตัว เช่น ยานอนหลับ ยาลดความดัน เป็นต้น– บ้านมีพื้นลื่น ขาดราวจับ แสงสว่างไม่เพียงพอ มีสิ่งกีดขวางทางเดิน เป็นต้น หากมีความเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม ตรวจวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การทรงตัว พร้อมวางแผนป้องกันการหกล้มอย่างเหมาะสมนะคะ 💉🩺 นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่เราทุกคนสามารถช่วยกันทำได้เลย คือ การจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย ดูแลสุขภาพให้ผู้สูงอายุแข็งแรงอยู่เสมอ พร้อมเสริมพลังใจ กำลังใจ และกำลังกาย ให้ผู้สูงวัยของเรา ได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ ห่างไกลจากอุบัติเหตุการหกล้มค่ะ 😍💪 เราสัญญาว่า จะดูแลคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ของพวกเราเป็นอย่างดี ให้ท่านได้มีความสุข ไม่ต้องกลัวการหกล้มอีกต่อไป รักนะคะ 💝 แล้วมาช่วยกันดูแลผู้สูงอายุกันเยอะๆ นะคะ #FallPrevention #PreventFallsInElderly #ElderlyHealth #HealthyAging #FallRisk#HealthyAging #ActiveAging #ElderlyHealth #โรคในผู้สูงอายุ #PreventionIsBetterThanCure# #HealthyAging #ตรวจก่อนรู้ก่อน ป้องกันได้#mousai#mousaiwellness#anti-aging#reverseaging#holistic#wellness แพทย์หญิงภิญญาพัชญ์ ชัยภูริหิรัญญ์ Pinyapat Chaipurihiran (Dr.Big), M.D; Preventive Medicine in Public Health, ABAARM, IBLM Mousai Wellness Center The professional Anti-aging Center, you can trust.   Reference:                 Florence, C. S., Bergen, G., Atherly, A., Burns, E., Stevens, J., & Drake, C. (2018). Medical Costs of Fatal and Nonfatal Falls in Older Adults. Journal of the American Geriatrics Society, 66(4), 693–698. https://doi.org/10.1111/jgs.15304                 Vaishya, R., & Vaish, A. (2020). Falls in Older Adults are Serious. Indian journal of orthopaedics, 54(1), 69–74. https://doi.org/10.1007/s43465-019-00037-x                 Kvelde, T., Lord, S. R., Close, J. C., Reppermund, S., Kochan, N. A., Sachdev, P., Brodaty, H., & Delbaere, K. (2015). Depressive symptoms increase fall risk in older people, independent of antidepressant use, and reduced executive and physical functioning. Archives of gerontology and geriatrics, 60(1), 190–195. https://doi.org/10.1016/j.archger.2014.09.003 Retrieved from https://royaloakshomecare.com/aging-at-home/fall-prevention-in-elderly-risks-prevention-common-injuries-and-how-to-get-up/ Retrieved from  https://isaac.care/falls-in-our-elderly-the-facts-figures-and-prevention/

Loading

🚨 “การหกล้มในผู้สูงอายุ” ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม! 😱 Read More »

6 Lifestyle tips for Longevity : วิถีชีวิต 6 แบบ เพื่อความมีสุขภาพดีตลอดอายุขัย

มีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยยืดอายุขัย 1. Intermittent Fasting : การหยุดรับประทานอาหารหรือการอดอาหารเป็นพักๆ การทำ Intermittent Fasting หรือที่เราเรียกว่า IF นั้น พบว่าสามารถช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของร่างกายได้ และยังพบว่าสามารถลดความเสื่อมเรื้อรังที่พบได้บ่อยในปัจจุบันได้แก่ การเกิดภาวะ Metabolic syndrome หรือภาวะอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น 2. Regular Exercise : การออกกำลังกายเป็นประจำ หลาย ๆ การศึกษาพบว่า การออกกำลังกายเป็นประจำและการมีกิจกรรมทางกายแบบกระฉับกระเฉง (Physical active) สามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และยังช่วยยืดอายุขัยอีกด้วย โดยสมาคม The U.S.Department of Health and Human Services (HHS) แนะนำให้ทุกคนออกกำลังกายที่ความหนักระดับกลาง (Moderate aerobic acitivity) 150 นาที/สัปดาห์ หรือ ออกกำลังกายที่ความหนักระดับหนัก (Vigorous aerobic activity) 75 นาที/สัปดาห์ 3. Prioritizing Your Happiness : จัดลำดับความสำคัญของความสุข ค้นหาให้เจอว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุข แล้วแบ่งเวลาให้กับสิ่งที่สร้างความสุขให้กับตัวเอง มีงานวิจัยพบว่า ผู้ที่รู้สึกมีความสุขจะอายุขัยเฉลี่ยยาวกว่าผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข 4. Avoid Chronic Stress หลีกเลี่ยงความเครียดสะสมเรื้อรัง ความเครียดนั้น เราสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Mental Stress ความเครียดด้านจิตใจ เช่น เป็นคนคิดเยอะ วิตกกังวลง่าย และ Physical Stress คือความเครียดทางกาย เช่น ใช้ร่างกายหนัก พักผ่อนน้อย หรือร่างกายมีสารพิษสะสมเรื้อรัง เป็นต้น เราต้องหมั่นหลีกเลี่ยงความเครียดสะสมทั้งสองประเภท 5. Practice Gratitude : ฝึกรู้สึกขอบคุณ ฝึกความรู้สึกขอบคุณกับเรื่องง่าย ๆ ทุกวัน มองหาข้อดีที่มีหรือเกิดขึ้นทุกวัน ช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น อายุยืนขึ้น 6. Foster Social Relations : มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม พยายามหาเพื่อน พี่ พ่อแม่ หรือคนรู้จัก ที่เราไว้ใจได้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด สิ่งที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เพื่อผ่อนคลายความเครียด หรือการยิ้มแย้ม พูดคุยทักทายผู้คนแปลกหน้าบ้าง ก็ให้ผลดีกับจิตใจเช่นเดียวกัน ที่มา Wen, C., Wai, J., Tsai, M., Yang, Y., Cheng, T., & Lee, M. et al. (2011). Minimum amount of physical activity for reduced mortality and extended life expectancy: a prospective cohort study. The Lancet, 378(9798), 1244-1253.   Lawrence, E., Rogers, R., & Wadsworth, T. (2015). Happiness and longevity in the United States. Social Science & Medicine, 145, 115-119.   เรียบเรียงโดย แพทย์หญิงภิญญาพัชญ์ ชัยภูริหิรัญญ์ แพทย์ที่ปรึกษา Mousai Wellness Center

Loading

6 Lifestyle tips for Longevity : วิถีชีวิต 6 แบบ เพื่อความมีสุขภาพดีตลอดอายุขัย Read More »

อยากผอมต้องนอน

หลายๆคน พยายามลดน้ำหนักทั้งคุมอาหาร ลดแป้ง ลดน้ำตาล ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ แต่รู้หรือไม่ การเผาผลาญไขมันเกิดขึ้นมากที่สุดตอนนอน !! การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นเป็นหัวใจสำคัญของการเผาผลาญไขมัน โดยการนอนนั้นต้องมีจำนวนชั่วโมงในการนอนที่เหมาะสม (6-9 ชั่วโมง) นอนถูกช่วงเวลา 22.00 น. – 06.00 น. และนอนแบบคุณภาพดีคือหลับลึกหลับยาวอีกด้วย ไม่เอาแบบหลับๆตื่นๆนะคะ งานวิจัยหลายฉบับพบว่าสามารถกระตุ้นให้ร่างกายนั้นหลั่งฮอร์โมนการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโกรธฮอร์โมน (Growth hormone) ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ควบคุมอาหารอย่างดี ทานอาหารถูกต้อง ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำแล้ว แต่ยังลดไขมันไม่ได้เสียที ลองตรวจสอบการนอนของตัวเองนะคะ ว่าการนอนหลับนั้นมีคุณภาพเพียงพอหรือไม่ วิธีตรวจสอบการนอนง่ายๆ ลองใส่นาฬิกากลุ่มSmart watch (นาฬิกาออกกำลังกายรุ่นที่ติดตามการนอนได้) ติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์  จะสามารถเห็นได้เลยว่าการนอนของเรานั้นส่วนใหญ่เป็นอย่างไร นอนกี่ชั่วโมง ตื่นบ่อยแค่ไหน หลับลึกกี่ชั่วโมง หลับตื้นกี่ชั่วโมง ปัจจุบันราคานาฬิกากลุ่มSmart watchนั้นราคาไม่สูงมาก เริ่มตั้งแต่หลักร้อยบาทเท่านั้น นอนดี นอนพอ = ฮอร์โมนการเผาผลาญไขมันเยอะ ฮอร์โมนการเผาผลาญไขมันเยอะ = ลดไขมันได้ง่ายและรวดเร็ว แถมประโยชน์จากการนอนที่ดีนั้น ได้สุขภาพแบบองค์รวม หน้าใสแถมหน้าเด็กอีกด้วยนะคะ รู้แบบนี้แล้ว รีบCheck คุณภาพการนอนของตัวเอง เพื่อให้การลดไขมันทำได้ง่ายขึ้นกันค่ะ สำหรับใครที่นอนหลับไม่ดี ไว้โอกาสหน้าหมอจะมาแนะนำเรื่องการนอนนะคะ เรียบเรียงโดย แพทย์หญิงภิญญาพัชญ์ ชัยภูริหิรัญญ์ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ/แพทย์Lifestyle medicine แพทย์ที่ปรึกษาบริษัท Grand Wellness #lifestylemedicine#antiaging#health#healthy#ลดไขมัน#ลดน้ำหนัก#ผอม#นอน#growth hormone

Loading

อยากผอมต้องนอน Read More »

🚨 Cadmium ภัยร้ายที่ไม่อาจมองข้าม กำจัดด้วย Chelation ทางรอดของคุณ! 🚨

Cadmium พิษร้ายที่คุณอาจไม่รู้ตัว 🚨 Cadmium: ภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน– Cadmium พบได้ในอาหาร น้ำ อากาศ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ พลาสติก เครื่องประดับ– การสัมผัส Cadmium เป็นประจำ ทำให้สะสมในร่างกายและส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว– ผลกระทบต่อสุขภาพจาก Cadmium อาจไม่แสดงอาการในทันที แต่ค่อยๆ บั่นทอนอวัยวะสำคัญโดยไม่รู้ตัว 🔦 พิษร้ายระยะสั้นจาก Cadmium– หากได้รับ Cadmium ในปริมาณมาก อาจทำให้ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง – Cadmium ส่งผลต่อการทำงานของปอด ทำให้ไอ หายใจลำบาก ปอดอักเสบ ในกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต– การสูดดม Cadmium ฝุ่นหรือควัน ทำให้ระคายเคืองจมูก คอ ปอด และอาจนำไปสู่โรคปอดเรื้อรัง ☠️ อันตรายที่ไม่อาจมองข้ามในระยะยาว – Cadmium สะสมในร่างกายเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในตับและไต ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะเสื่อมลง– ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอด ต่อมลูกหมาก และไต เพิ่มขึ้นจากการสัมผัส Cadmium– Cadmium ไปรบกวนการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกพรุน หักง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ– ผลต่อระบบสืบพันธุ์ การตั้งครรภ์ และทารก เช่น แท้ง ทารกน้ำหนักน้อย พัฒนาการช้า ขอบคุณรูปภาพจาก : Microbe-Mediated Mitigation of Cadmium Toxicity in Plants 🍳 Cadmium ปนเปื้อนในอาหาร จากที่ไหนบ้าง?– อาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม หอยแครง ปลาหมึก ที่อาศัยในบริเวณน้ำปนเปื้อน Cadmium – ผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น ข้าว ธัญพืช ผักใบเขียว ที่ปลูกในดินที่มี Cadmium สูง– อาหารที่ปรุงหรือเก็บในภาชนะเคลือบสังกะสีที่มี Cadmium เจือปน – น้ำดื่มหรือน้ำใช้ที่ปนเปื้อน Cadmium จากการชะล้างดิน แร่ธาตุ หรือจากท่อประปา 💪 ลดความเสี่ยง ห่างไกลพิษภัย Cadmium– หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแนวโน้มการปนเปื้อนสูง เช่น เลือกผักผลไม้จากแหล่งปลอดภัย – ใช้ภาชนะปรุงอาหารที่ได้มาตรฐาน ไม่เจือสังกะสีหรือ Cadmium – หลีกเลี่ยงการสูดดมควันจากการเผาขยะ ซากแบตเตอรี่ พลาสติก หรือในที่ทำงานที่เกี่ยวข้อง– ดูแลสุขภาพไต ตับ ระบบทางเดินอาหาร ให้แข็งแรง ช่วยขับสารพิษได้ดีขึ้น– ตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากสัมผัสความเสี่ยงสูง เพื่อให้รับการรักษาได้ทันท่วงที Cadmium ภัยใกล้ตัวที่มองไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้สึก แต่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งอากาศ น้ำ อาหาร ผลิตภัณฑ์ต่างๆ การได้รับ Cadmium ในปริมาณมากหรือสะสมเป็นเวลานาน ล้วนส่งผลต่อสุขภาพ ทั้งพิษฉับพลัน พิษเรื้อรัง กระทบตั้งแต่ทางเดินอาหาร ปอด ไต กระดูก ไปจนถึงเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งและผลต่อทารกในครรภ์ อย่าให้พิษร้าย Cadmium มาทำลายสุขภาพคุณ! รู้เท่าทันอันตราย เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง เลือกอาหารและผลิตภัณฑ์ให้ปลอดภัย หมั่นสังเกตสุขภาพตัวเอง เพื่อชีวิตที่ยืนยาว ห่างไกลจากพิษภัย Cadmium ขอบคุณรูปภาพจาก : Cadmium Toxicity and Tolerance in icro- and Phytobiomes ❗ Cadmium สารพิษตัวร้ายที่สะสมในร่างกาย คุกคามสุขภาพและชีวิตของคุณอย่างเงียบๆ แต่ตอนนี้มีความหวังแล้ว! 🙌 Chelation therapy เทคนิคล้างพิษขั้นสูงที่จะช่วยกำจัด Cadmium ออกจากร่างกายคุณ 💪 1️⃣ Chelation คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ? 🔍– Chelation เป็นการบำบัดด้วยสารเคมีที่จับกับโลหะหนักอย่าง Cadmium และขับออกจากร่างกาย– โดยปกติร่างกายไม่สามารถกำจัด Cadmium ได้เอง ต้องพึ่ง Chelation ในการล้างพิษ– Chelation ช่วยฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะที่ถูก Cadmium ทำลาย เช่น ไต ตับ ปอด 2️⃣ Chelation ใช้สารอะไรในการล้างพิษ? 💊– EDTA (Ethylenediaminetetraacetic Acid) ใช้ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ จับจับโลหะหนักในกระแสเลือด– DMSA (Dimercaptosuccinic Acid) ใช้รับประทานเป็นยาเม็ด เหมาะสำหรับล้างพิษในระยะยาว– DMPS (Dimercaptopropanesulfonate) แร่ธาตุที่มีซัลเฟอร์ ช่วยเร่งการขับโลหะหนักออกจากเซลล์ 3️⃣ ใครบ้างที่ควรทำ Chelation? 🩺– ผู้ที่สัมผัส Cadmium ในระดับสูง จากการทำงานหรือสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน– ผู้ที่ตรวจพบระดับ Cadmium ในเลือดหรือปัสสาวะสูงกว่าปกติ – ผู้ที่มีอาการของพิษ Cadmium เช่น ปวดกระดูก ปัญหาไต ระบบประสาทอักเสบ 4️⃣ ขั้นตอนการทำ Chelation เป็นอย่างไร? 🏥– เข้ารับการประเมินสุขภาพ ตรวจวัดระดับ Cadmium ในร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ– แพทย์จะกำหนดสาร Chelating agent ที่เหมาะสม ขนาดยา และระยะเวลาในการรักษา– เข้ารับการบำบัดที่คลินิก ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงต่อครั้ง อาจต้องทำหลายครั้งจนกว่าระดับ Cadmium จะลดลงสู่ปกติ 5️⃣ ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของ Chelation 📝– Chelation อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ ความดันต่ำ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์– ต้องระวังภาวะขาดสารอาหารบางชนิด เช่น แคลเซียม สังกะสี ที่อาจถูกจับออกไปพร้อมกับสารพิษ– ไม่แนะนำในสตรีมีครรภ์ ให้นมบุตร ผู้มีโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ขอบคุณภาพจาก : Environmental Toxicity of Cadmium and Health Effect ❗ Cadmium ภัยเงียบที่แฝงมากับชีวิตประจำวัน กำลังคุกคามสุขภาพคุณอยู่ทุกขณะ 😱และนี่คือโรคที่เกิดจาก Cadmium ที่น่ากลัวที่สุด “อิไตอิไต” (Itai-itai disease) ที่คุณต้องรู้! 🚨 1️⃣ อิไตอิไต โรคร้ายจากพิษ Cadmium 💀– อิไตอิไต เป็นโรคจากการสะสมของ Cadmium ในร่างกายเป็นเวลานาน ส่งผลต่อกระดูกและไต– อาการของโรคคือ ปวดกระดูกรุนแรง กระดูกพรุน หักง่าย ไตวาย และอาจเสียชีวิตในที่สุด– โรคนี้พบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น จากการปนเปื้อนของ Cadmium ในแหล่งน้ำและอาหาร 2️⃣ จุดเริ่มต้นของโรคอิไตอิไต 🍚🌿– Cadmium ปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ จากการทำเหมืองแร่ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาขยะ– ข้าว ผัก ที่ปลูกในดินปนเปื้อน Cadmium สูง สะสมสารพิษนี้ไว้ในเมล็ดและใบ– เมื่อรับประทานอาหารที่มี Cadmium สูงเป็นประจำ ร่างกายจะค่อยๆ สะสมจนเป็นโรคในที่สุด 3️⃣ ผลกระทบของ Cadmium ต่อสุขภาพ 🩺– Cadmium ไปรบกวนการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย ทำให้กระดูกบาง ผุกร่อน หักง่าย– สะสมใน Proximal tubule ของไต ทำลายเนื้อไต นำไปสู่ไตวายเรื้อรัง– เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งอื่นๆ– ส่งผลต่อระบบประสาทและสมอง ทำให้ปวดหัว นอนไม่หลับ สมาธิสั้น ความจำเสื่อม 4️⃣ ป้องกันตัวเองจากโรคอิไตอิไตได้อย่างไร? 🛡️– หลีกเลี่ยงแหล่งอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน Cadmium สูง เช่น ข้าวและผักจากพื้นที่เสี่ยง– ล้างผักผลไม้ให้สะอาด ปอกเปลือกผัก เพื่อลดการสัมผัสสารพิษบนผิว– เลือกบริโภคอาหารที่มีแคลเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสีสูง เพื่อยับยั้งการดูดซึม Cadmium– ระวังการสูดดม Cadmium จากควันบุหรี่ ควันจากการเผาขยะ หรือในสถานประกอบการ 5️⃣ หากสงสัยว่าได้รับสัมผัส Cadmium สูง ควรทำอย่างไร? 🏥– ปรึกษาแพทย์ทันที หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดกระดูก ปัสสาวะผิดปกติ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย– แพทย์จะทำการตรวจวัดระดับโลหะหนัก และสารพิษ ในเลือดและปัสสาวะ และประเมินการทำงานของไตและกระดูก– หากตรวจพบว่ามี Cadmium ในร่างกายสูง อาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธี Chelation– การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยชะลอและป้องกันความเสียหายต่อไตและกระดูกได้ 🙏 อย่าปล่อยให้ Cadmium ทำลายสุขภาพและชีวิตคุณ จนเป็นโรคอิไตอิไต! เริ่มต้นลดความเสี่ยง เลือกทานอาหารที่ปลอดภัย หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และพบแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าได้รับพิษ Cadmium! Chelation therapy คือความหวังใหม่ในการล้างสารพิษ Cadmium ออกจากร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย 👉 หากกังวลหรือสงสัยว่าตนเองได้รับพิษ Cadmium สูง อย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม 💡 แชร์โพสต์นี้เพื่อเป็นความรู้ให้คนที่คุณรัก ได้ตระหนักถึงอันตรายจากโรคอิไตอิไต และร่วมกันป้องกันภัยจาก Cadmium กันนะคะ 🙏 #PreventItaiItaiDisease ขอบคุณรูปภาพจาก : สาครออนไลน์ Retrieved from: – https://www.sciencedirect.com/topics/biochemistry-genetics-and-molecular-biology/cadmium-poisoning– Cadmium. GUNNAR F. NORDBERG, … LARS T. FRIBERG, in Handbook on the Toxicology of Metals (Third Edition), 2007– https://www.bnl.gov/newsroom/news.php?a=22527

Loading

🚨 Cadmium ภัยร้ายที่ไม่อาจมองข้าม กำจัดด้วย Chelation ทางรอดของคุณ! 🚨 Read More »

8 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล

ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล 8 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล ฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนเพศหญิง ที่ผลิตจากรังไข่เป็นส่วนใหญ่ . ผู้หญิงวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน จะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ในขณะที่บางคนจะมีฮอร์โมนสูงเกินไปก็ได้ . อาการที่บ่งบอกว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล . 1.Weight gain น้ำหนักเกิน/ลดน้ำหนักยาก ฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนที่ส่งผลโดยตรงกับการสะสมไขมัน ผู้ที่ฮฮร์โมนเอสโตรเจนเกิน จึงมักมีโรคอ้วน. 2.Sleep issues ปัญหาการนอน มักมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ หลับยาก หรือลุกตื่นกลางคืนบ่อย . 3.Anxiety วิตกกังวล วิตกกังวลง่าย คิดมาก เสี่ยงซึมเศร้า . 4.Constipation ท้องผูก มักมีอาการท้องผูก หรือ ท้องอืด แก๊สในกระเพาะอาหารเยอะ . 5.Low libido อารมณ์ทางเพศลดลง . 6.Headaches ปวดศีรษะ มักมีอาการปวดศีรษะ หรือปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วยโดยเฉพาะช่วงมีรอบเดือน . 7.Cold hand & feet มือเท้าเย็น ขี้หนาว มีอาการปลายมือปลายเท้าเย็น . 8.Hair & Skin issues ผิวและผมแห้ง มักมีอาการผมแห้ง ผมร่วง ผิวแห้งโดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า . หากคุณมีอาการเหล่านี้ มากกว่า 2 อาการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวัดระดับความสมดุลของฮอร์โมน . ” ตรวจก่อน รู้ก่อน ป้องกันได้ ” . ติดต่อได้ที่ศูนย์ดูแลสุขภาพ Mousai Wellness Center . https://maps.app.goo.gl/5upfoxwpdsg9hVNx5 Line : @MousaiWellness mousaiwellness.com 02-0964991 , 061-8941881 . #Mousai #MousaiWellness #โปรโมชัน #ดีท็อกซ์ #PRP #ฮอร์โมน #Detox #Wellness #Holistic #ดูแลสุขภาพ #hormone #คลินิกความงาม #ศูนย์สุขภาพ #ความงาม #ชะลอวัย #เอสโตรเจน #Estrogen #จุลินทรีย์ดี #ระบบขับถ่าย #ตรวจสุขภาพ #ตรวจเลือด #basiccheckup

Loading

8 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล Read More »

ภาวะฮอร์โมนเพศหญิงเกิน 🥀(Estrogen Dominance)

ภาวะฮอร์โมนเพศหญิงเกิน 🥀 (Estrogen Dominance) 🤵 ฮอร์โมนเพศหญิง หรือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีอยู่ในทั้งผู้ชาย และผู้หญิง 👰‍♀️.💪โดยฮอร์โมนเฮสโตรเจน เป็นฮอร์โมนหลักของผู้หญิง ช่วยยับยั้งการสลายของเนื้อกระดูกเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญ และการทำงานของสมอง.💃 ในผู้หญิงจะช่วยทำให้มีหน้าอกสะโพกผาย มีผิวนุ่ม เรียบเนียน ขนบางลง.🙅‍♀️ แต่หากมีภาวะฮอร์โมนเพศหญิงเกินในร่างกายอาจทำให้หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนง่าย มีไขมันสะสมมากขึ้น ลดน้ำหนักยาก มักจะมีอาการท้องอืดบ่อยๆ ปวดศีรษะไมเกรน มีลูกยาก .⚡ ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน โรคไขมันในเส้นเลือด เกิดถุงน้ำ เนื้องอกที่เต้านม มดลูกและรังไข่และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งบางชนิด.🤦 แต่หากผู้ชายมีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินจะทำให้มีเต้านมโต เสียงแหลม รวมไปถึงส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งง่ายขึ้น.ลดความเสี่ยงภาวะฮอร์โมนเอสโตรเจนเกินด้วยการตรวจฮอร์โมนสำหรับผู้หญิง / ผู้ชาย.” ตรวจก่อน รู้ก่อน ป้องกันได้ ” .ติดต่อได้ที่ศูนย์ดูแลสุขภาพ 🏥 Mousai Wellness Center 🌿.📍 https://maps.app.goo.gl/5upfoxwpdsg9hVNx5📩 Line : @MousaiWellness🌐 mousaiwellness.com☎️ 02-0964991 , 061-8941881   #Mousai #MousaiWellness #โปรโมชัน #ดีท็อกซ์ #PRP #ฮอร์โมน#Detox #Wellness #Holistic #ดูแลสุขภาพ #hormone#คลินิกความงาม #ศูนย์สุขภาพ #ความงาม #ชะลอวัย #เอสโตรเจน #Estrogen#จุลินทรีย์ดี #ระบบขับถ่าย #ตรวจสุขภาพ #ตรวจเลือด #basiccheckup

Loading

ภาวะฮอร์โมนเพศหญิงเกิน 🥀(Estrogen Dominance) Read More »

Open

Mousai Wellness Tel
Mousai Wellness Line